วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ชุมชนชาวคริสต์กับการเมืองไทย

งานสร้างสรรค์: ผู้นำคริสเตียนประชุมกันที่คริสตจักรร่วมนิมิต ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมาเพื่อหาทางช่วยชาติบ้านเมือง
ประชากรชาวไทยซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ทั้งสองนิกาย คาทอลิกและโปรเตสแตนต์ นับรวมกันแล้วมีราว ๆ 700.000 คน ถือว่ายังเป็นชนกลุ่มน้อยสำหรับประเทศไทยซึ่งมีประชากรมากกว่า 63 ล้านคน
คริสเตียนทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมา ทั้งอดีตและปัจจุบันมีบทบาทสำคัญมากในการทำงานด้านสาธารณสุข การศึกษาและการพัฒนาสังคม
ทั้งคาทอลิกและโปรเตสแตนต์มีโรงพยาบาลและสถาบันการศึกษาที่ทันสมัยซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่ในด้านการเมืองยังไม่ปรากฏชัดว่ามีบุคลากรที่นับถือคริสต์เข้าไปมีบทบาทในฐานะเป็นผู้นำทางการเมือง เช่นเป็นหัวหน้าพรรคหรือดำรงตำแหน่งใหญ่โตเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงต่าง ๆ
เป็นที่เข้าใจว่าชาวคริสต์ส่วนใหญ่อยากจะเห็นคริสตชนท่านใดท่านหนึ่งในสังคมของตนมีโอกาสรับใช้ชาติในตำแหน่งทางการเมือง การทหาร แต่ก็เป็นเพียงความคิดหรือความฝัน
บางท่านอาจฝันมานาน แต่ไม่ได้สานฝันให้เป็นจริง จึงเน้นช่วยชาติด้านอื่น ๆ เช่นการศึกษา การแพทย์และการพัฒนาสังคมดังที่กล่าวมาแล้ว

ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมผู้เขียนเรื่องนี้
การที่คริสตชนจะมีโอกาสเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมืองระดับแนวหน้ามีความเป็นไปได้สูง มีทางให้เดิน แต่เรายังไม่ก้าวเดินต่อไป
สำหรับความสำเร็จคงเกิดขึ้นได้ ไม่นานเกินรอ เพียงแค่ปีสองปี สิ่งที่เรามุ่งหวังก็บรรลุผล   เราจะมีนักการเมืองที่เป็นคริสเตียนและอยู่ในตำแหน่งบริหารประเทศ
เรามีทรัพยากรบุคคลที่มีขีดความสามารถอยู่พร้อมแล้ว
ปัญหาอยู่ที่ว่าท่านคริสตชนคนอื่น ๆ จะเอาใจช่วยหรือเปล่า
ไม่ใช่ช่วยด้วยใจหรือผลักให้เดินอย่างเดียว
ต้องช่วยอย่างอื่นด้วย เช่นการอธิษฐานเผื่อ หากมีสติปัญญาก็ช่วยด้วยสติปัญญา ถ้ามีทุนทรัพย์ก็ช่วยด้านทุนทรัพย์เพื่องานนี้จะได้ขับเคลื่อนต่อไป
ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เป็นกายเดียวกัน หากเปรียบกับช้างก็พร้อมที่จะก้าวเดินด้วยกัน อย่าพยายามขัดขาหรือทำหน้าที่เป็นครวญช้างคอยแต่จะเอาขอโขกสับ

อย่างไรก็ดี ดูตามพระคัมภีร์แล้ว พระเจ้าต้องการให้สาวกหรือผู้ติดตามพระองค์มุ่งหวังในโลกหน้า โลกฝ่ายวิญญาณมากกว่าโลกมนุษย์ปัจจุบัน
พระองค์ต้องการให้คริสตชนช่วยกันเอาชนะจิตใจคนทั้งโลก ไม่ใช่ติดอยู่กับพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดแล้วหาทางปราบพรรคที่อยู่ตรงกันข้ามด้วยเพทุบายทางการเมือง
เพราะสิ่งเหล่านั้นชาวโลกทั่ว ๆ ไปเขาทำกันอยู่แล้ว
พระเจ้าต้องการให้เราเอาชนะใจทั้งมิตรและศัตรู นำคำสอนของพระองค์ไปสอนคนทุกหมู่เหล่า ให้เราเป็นเกลือ รักษาความบูดเน่าของสังคมและเป็นแสงสว่างของโลก (มัทธิว 5.13-16)
เป็นไปได้ไหมที่คริสเตียนเราไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพราะเป็นการเลือกข้าง แต่ให้เข้าถึงกลุ่มชนต่าง ๆ ที่มีความเห็นแปลกแยกกันทางการเมือง ให้เข้าไปนั่งในหัวใจของบุคคลเหล่านั้น
เราเป็นพลพรรคของพระเยซูเจ้า หาทางดึงทุกพรรคการเมืองอื่น ๆ เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับเรา สร้างพลังเครือข่ายให้เข้มแข็ง แล้วทำการปฎิวัติยึดอำนาจ
เป็นอำนาจทางจิตใจเหมือนหัวหน้าพรรค คือพระเยซูทรงกระทำอยู่
แน่นอน เรามองเห็นสังคมการเมืองสกปรก อดใจไม่ได้ที่จะก้าวกระโดดลงไปช่วยเหลือ แต่เราต้องคิดให้รอบครอบ ใช่ว่าใจอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจ เพราะโอกาสพลาดพลั้งมีมาก

ต้องยอมรับความจริงว่าบนเส้นทางเดินของชาวโลก มีถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อและขวากหนามมากมาย บางหลุมก็กว้างลึก หากก้าวพลาดตกลงไปจะถูกทรายดูด อาจเอาตัวไม่รอด
กล่าวโดยสรูป อยากจะให้คริสตชนทุกคนที่จะก้าวเข้าสู่วงการเมืองต้องคิดให้หนัก มีเพื่อนปรึกษาเพื่อน มีคณะปรึกษาคณะแล้วขอการทรงนำจากพระเจ้าเบื้องบน

พร้อมกันนี้ก็อย่าลืมข้อพระธรรม (มัทธิว 6.33) ที่ว่า But seek ye first his kingdom, and his righteousness; and all these things shall be added unto you.
ข้างบนนั้นคือข้อพระคัมภีร์เป็นภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิม ส่วนใจความในภาษาไทยว่าอย่างไรก็เปิดพระคัมภีร์ภาษาไทยดูเอาเองนะครับ

บทความโดย เข็มหมุด   ภาพโดย สุเทพ ฉวีวรรณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น